... IT SoCieTy ... Blog สังคมยุคใหม่ของคนทันสมัยในยุคไอที .... แหล่งแลกเปลี่ยนความรู้ปูปัญญา ให้ก้าวไกล....

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ใหม่ล่าสุด

ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ใหม่ล่าสุด

ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ใหม่ล่าสุด ซึ่งช่วยขยายขอบเขตของการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นให้เหนือกว่าวิธีการทำเวอร์ช่วลแมชชีนแบบเดิมที่ใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ HP PolyServe เป็นการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นสำหรับฐานข้อมูล และไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งให้ผลการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพร้อมทั้งให้เซิร์ฟเวอร์สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้เกินความคาดหมาย อันเนื่องมาจากการลดการจัดเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อนและลดเวลาการโอนถ่ายข้อมูลไปยังที่จัดเก็บหลายๆ แห่ง และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ช่วยทำให้ประโยชน์ของการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นเพิ่มมากขึ้นโดยรองรับเซิร์ฟเวอร์ทุกแพลทฟอร์ม หรือเซิร์ฟเวอร์ที่มีสเปคของเครื่องหรือแม้กระทั่งระบบปฏิบัติการที่มีเวอร์ชั่นแตกต่างกัน

เหนือกว่าด้วยวิธีการประมวลผล ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ทำงานในรูปแบบที่เรียกว่า “one-out-of-many” หรือ Grid-enabled Virtualization ซึ่งรวบรวมทรัพยากรด้านการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่มากมายเข้าไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน จึงสามารถเรียกใช้งานได้ทุกขณะเมื่อต้องการ การใช้ซอฟต์แวร์ HP PolyServe ร่วมกับซอฟต์แวร์ HP EFS Clustered Gateway จะทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถโอนถ่ายแอพพลิเคชั่นจากเซิร์ฟเวอร์ที่มีการทำงานอย่างหนักไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ยังว่างได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการอันง่ายดายเช่นเดียวกับการลากและวางไอคอนบนหน้าจอเดสก์ท็อป

ซอฟต์แวร์ HP PolyServe สามารถทำให้ระบบพร้อมที่จะให้บริการได้ตลอดเวลาในราคาที่ประหยัดกว่าโซลูชั่นอื่นๆ อันเนื่องมาจากมีความสามารถในการเริ่มต้นการทำงานของแอพพลิเคชั่นได้ใหม่โดยอัตโนมัติ หากมีเซิร์ฟเวอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเกิดปัญหา หรือเมื่อแอพพลิเคชั่นไม่ตอบสนองบนเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานอยู่ ทั้งนี้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องทำการติดตั้งระบบใหม่ด้วยตัวเอง และไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชั่น ลูกค้าที่ใช้งานพบว่าซอฟต์แวร์ HP PolyServe ช่วยลดค่าใช้จ่ายประจำปีด้านการบริหารจัดการระบบลงได้สูงสุดถึงร้อยละ 70 ในขณะที่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินการธุรกิจ และประสิทธิภาพการทำงานที่เกินขอบเขตที่มีในปัจจุบัน จากเครื่องที่เป็นเวอร์ช่วลเซิร์ฟเวอร์

ความสามารถที่แตกต่าง หัวใจสำคัญของโซลูชั่นซอฟต์แวร์ HP PolyServe คือระบบเซิร์ฟเวอร์แบบเมทริกซ์ หรือเทคโนโลยีการแชร์ข้อมูล (share data) อันประกอบด้วยระบบการจัดกลุ่มไฟล์ (cluster) ซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานในรูปแบบ scale-out ซึ่งเป็นการขยายจำนวนแอพพลิเคชั่น หรือเซิร์ฟเวอร์ตามมาตรฐานเดิมให้เพิ่มมากขึ้น มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าสูงและมีการบริหารจัดการความจุที่ยืดหยุ่น ทั้งยังประกอบด้วยการบริหารจัดการที่มีความง่ายดาย เทคโนโลยีการแชร์ข้อมูล (share data) ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ทุกตัวสามารถอ่านและเขียนข้อมูลภายในระบบเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูล SAN storage pool เดียวกันได้ (สามารถรวม LUN เป็น shared data เดียวได้) นอกจากนี้ การจัดกลุ่มข้อมูล (cluster) ทำให้ฐานข้อมูล หรือไฟล์เซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งกลุ่มใหญ่ภายในระบบคอมพิวเตอร์และระบบจัดเก็บข้อมูล พร้อมกันนี้ ยังทำให้การเชื่อมต่อของลูกค้าเข้ากับเซิร์ฟเวอร์เป็นแบบเวอร์ช่วล จึงช่วยขจัดความยุ่งยากของการติดตั้งระบบของเซิร์ฟเวอร์หรือระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่ด้วยตัวเอง (manual reconfiguration) เมื่อแอพพลิเคชั่นหรือข้อมูลได้ถูกโอนถ่ายไปยังแพลทฟอร์มใหม่ ตามความต้องการใช้งานของแอพพลิเคชั่น เนื่องจากข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้จากเซิร์ฟเวอร์ทุกตัว ฐานข้อมูลจึงสามารถโอนถ่ายระหว่างเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีความจำเป็นต้องคัดลอกข้อมูลใหม่เพื่อโอนถ่ายฐานข้อมูล (database instances) จากเซิร์ฟเวอร์เครื่องหนึ่งไปยังเซิร์ฟเวอร์อีกเครื่อง เซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลสามารถเพิ่มเข้าไปในกลุ่ม (cluster) หรือแอพพลิเคชั่น โดยที่มีผลกระทบต่อความพร้อมใช้งานน้อยที่สุด

บทความ : http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?815

ภาพประกอบ : http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?815

Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

มาแล้วจ้า..ฮาร์ดไดรฟ์ที่เร็วที่สุดในโลกรุ่นบาราคูดา

เอ็กซ์ที (Barracuda XT)


ฮาร์ดไดรฟ์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีความเร็วและมีความจุสูงที่สุดในโลก รุ่นบาราคูดา เอ็กซ์ที (Barracuda® XT) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่หมุนด้วยความเร็ว 7200 รอบต่อนาที มีความจุในการจัดเก็บข้อมูล 2 เทราไบต์และมีอินเตอร์เฟซแบบ ซีเรียล เอทีเอ (ซาต้า) 6 กิกะบิตต่อวินาที (Serial ATA (SATA) 6Gb/second interface) ที่ทำงานเร็วมาก ไดรฟ์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขนาด 3.5 นิ้วรุ่นนี้เป็นไดรฟ์รุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่มีอินเตอร์เฟซ ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที ซึ่งตอบสนองความต้องการด้านความจุของการเล่นเกม (gaming) การใช้งานวิดีโอดิจิตอล (digital video-environments) ตลอดจนระบบปฏิบัติการเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากอื่น ๆ (other storage-hungry desktop computing applications) ในขณะเดียวกันยังสามารถทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

การเปิดตัวไดรฟ์บาราคูดา เอ็กซ์ที (Barracuda® XT) เป็นการเปลี่ยนแปลงไปยังความเร็วในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นต่อไปเนื่องจากซีเกทได้เพิ่มแบนด์วิธ (bandwidth) ในการจัดเก็บข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันเป็นสองเท่า

“ความจุและประสิทธิภาพในการทำงานยังคงเป็นสิ่งที่ระบุคุณสมบัติของฮาร์ดไดรฟ์สำหรับเครื่องพีซีสำหรับเล่นเกม (PC gamers) บนเครื่องพีซี นักพัฒนาข้อมูลดิจิตอล มัลติมีเดีย (digital multimedia content developers) ตลอดจนลูกค้าอื่น ๆ จำนวนมากซึ่งต้องการระบบไฮ-เอ็นด์ที่บ้านและในสำนักงานของพวกเขา” นายเดฟ โมสเล่ย์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของซีเกท (Dave Mosley, executive vice president of Sales and Marketing at Seagate) กล่าว “ซีเกทกำลังตอบสนองความต้องการเหล่านี้ด้วยการนำเสนอฮาร์ดไดรฟ์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่หมุนด้วยความเร็ว 7200 รอบต่อนาทีรุ่นแรก ที่ผสมผสานความจุในการจัดเก็บข้อมูล 2เทราไบต์กับอินเตอร์เฟซ ซีเรียล เอทีเอ (Serial ATA interface) ที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน

”ผลิตภัณฑ์บาราคูดา เอ็กซ์ที (Barracuda® XT) เป็นไดรฟ์ที่ประกอบด้วยแพล็ตเตอร์ (platter) จำนวน 4 แผ่น ซึ่งมีความหนาแน่นในการบีบอัดข้อมูล 368 กิกะบิตต่อตารางนิ้วอันนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด มีอัตราการส่งข้อมูลสูงถึง 6 กิกะบิตต่อวินาที สำหรับระบบปฏิบัติการพีซีทุกประเภท ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการใช้งานกับอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานหรือรูปแบบที่เก่ากว่า (backward compatibility) ด้วยอินเตอร์เฟซ ซาต้า 3 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 3Gb/second interface) และซาต้า 1.5 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 1.5Gb/second) รวมทั้งใช้สายและอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เหมือนกับผลิตภัณฑ์ซาต้ารุ่นก่อนเพื่อทำให้ติดตั้งได้ง่าย อินเตอร์เฟซแบบซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 6Gb/s interface) ทำให้ผู้สร้างระบบใช้คอนโทรลเลอร์ของไดรฟ์ ที่เป็นซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 6Gb/s drive controllers) ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับตั้งโต๊ะที่มีประสิทธิภาพสูง ระบบการเล่นเกมที่มีความเร็วสูง (full-tilt gaming rigs) ตลอดจนเครื่องแม่ข่ายภายในบ้านและธุรกิจขนาดย่อม (home and small business servers) และแคชขนาด 64 เมกกะไบต์ (64MB cache) ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลและมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด

“มาร์เวลล์ (Marvell) มีความยินดีที่จะประกาศเกี่ยวกับโซลูชั่นซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 6Gb/s solution) ซึ่งจะมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมและการทำงานร่วมกับซีเกทเพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีนี้” ดร. อลัน เจ. อาร์มสตรอง รองประธานฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจจัดเก็บข้อมูลของมาร์เวลล์ (Dr. Alan J. Armstrong, vice president of Marketing, Business Storage Group at Marvell) กล่าว “มาร์เวลล์ ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าจำนวนมากเพื่อนำโซลูชั่นนี้ออกสู่ตลาด อัสซุส (ASUS) และกิกะไบต์ (GIGABYTE) ในฐานะที่เป็นผู้ใช้เทคโนโลยีของมาร์เวลล์ ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที (SATA 6Gb/s technology) เป็นรายแรก ๆ ได้นำเสนอมาเธอร์บอร์ด (motherboard) เพื่อใช้งานกับฮาร์ดไดรฟ์ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาทีด้วย”

โซลูชั่นซีเรียลเอทีเอ 6 กิกะบิตต่อวินาที: ไดรฟ์บาราคูดา เอ็กซ์ทีและมาเธอร์บอร์ดจากอัสซุสและ กิกะไบต์

ด้วยไดรฟ์บาราคูดา เอ็กซ์ทีและมาเธอร์บอร์ดซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาทีจากอัสซุสและกิกะไบต์ ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถผลิตเครื่องพีซี (PCs) เวิร์คสเตชั่น (workstations) และเครื่องแม่ข่ายระดับเริ่มต้น (entry-level servers) ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อัสซุสเป็นรายแรกที่นำมาเธอร์บอร์ด ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาทีออกสู่ตลาด โดยผลิตภัณฑ์รุ่นพี7พี55ดี พรีเมี่ยม (P7P55D Premium) ได้จัดส่งไปยังลูกค้าในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่วนมาเธอร์บอร์ดของกิกะไบต์ในซีรี่ส์ พี55 (P55 series) รุ่นจีเอ-พี55 เอ็กซ์ตรีม (GA-P55-Extreme) กำลังถูกจัดส่งไปยังลูกค้าอยู่ในขณะนี้

“ที่อัสซุส เราอยู่ในแถวหน้าในเรื่องความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อีกครั้งโดยการเป็นรายแรกที่เปิดตัวมาเธอร์บอร์ด อินเตอร์เฟซ ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที” นายโจ ไซ รองประธานฝ่ายบริหารและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจมาเธอร์บอร์ดและกล่มธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของอัสซุส (Joe Hsieh, corporate vice president & general manager, Motherboard Business Unit & Desktop Business Unit, ASUS) กล่าว “บริดจ์ (bridge) ที่กว้างขึ้นและนำไปใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ พี7พี55ดี พรีเมี่ยม (P7P55D Premium) ช่วยทำให้การส่งผ่านข้อมูลด้วยซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที เกิดขึ้นจริง เพื่อตอบสนองความต้องการของระบบปฏิบัติการที่ต้องการแบนด์วิธ (bandwidth)สูง โซลูชั่นของอัสซุสช่วยขจัดคอขวด (bottleneck) ในการจัดส่งข้อมูลในเทคโนโลยีปัจจุบันและสร้างความมั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากความเร็วของข้อมูลที่สูงขึ้นและแบนด์วิธในการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นใน ซีรี่ส์ พี7พี55ดี พรีเมี่ยม อัสซุสจะนำเสนอ expansion card เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพเหมือนกับรุ่น จีเอ-พี55 เอ็กซ์ตรีม”

“กิกะไบต์ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทางธุรกิจของเราอย่างซีเกทและมาร์เวลล์ในการทำให้เทคโนโลยี ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาที กลายเป็นความจริง” นายโทนี่ เลียว รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดของบริษัท กิกะไบต์ เทคโนโลยี จำกัด (Tony Liao, associate vice president of Marketing at GIGABYTE TECHNOLOGY CO., LTD.) กล่าว “ในฐานะผู้นำในการสร้างสรรค์มาเธอร์บอร์ด กิกะไบต์มีความตื่นเต้นอยู่เสมอในการนำเทคโนโลยีล่าสุดออกสู่ตลาด และด้วยการเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ซาต้า 6 กิกะบิตต่อวินาทีรุ่นแรกของโลกจาก ซีเกท ความคาดหวังจากลูกค้าของเราได้กลายเป็นความจริงด้วยประสิทธิภาพของแบนด์วิธที่เพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับการโอนถ่ายและการจัดเก็บข้อมูลที่เร็วราวกับสายฟ้าแลบ”

ซีเกทจะสาธิตเทคโนโลยี ซีเรียล เอทีเอ 6 กิกะบิตต่อวินาทีในงานไอดีเอฟ (Seagate to Demonstrate Serial ATA 6Gb/s Technology at IDF)

ซีเกทจะสาธิตเทคโนโลยี ซีเรียล เอทีเอ 6 กิกะบิตต่อวินาทีร่วมกับพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีในบูธ ซีเรียล เอทีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล ออแกไนเซชั่น (ซาต้า-ไอโอ) (Serial ATA International Organization (SATA-IO) booth) เลขที่ 425 ในงานไอดีเอฟ (IDF) ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน ศกนี้ ณ มอสโคน เซ็นเตอร์ (Moscone Center) ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

บทความ

: http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?848

ภาพประกอบ

: http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?848

Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ปัญหาเด็กติดเกม



ปัญหาเด็กติดเกม นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในอดีตผู้ตกเป็นเหยื่อของเกมส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่ได้รับผลกระทบทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ ฟุ่มเฟือย เหม่อลอย การเรียนตกต่ำ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หนักที่สุดก็แสดงความก้าวร้าวหรือมีพฤติกรรมเลียนแบบโดยใช้ความรุนแรง ล่าสุด เด็กนักเรียนม.6 ฆ่าคนขับรถแท็กซี่ตาย โดยวางแผนมาอย่างดี และอ้างว่าเลียนแบบเกมออนไลน์ ผลกระทบอันเนื่องมาจากเด็กติดเกม หากมองให้ลึกซึ้งถึงรากเหง้าของปัญหาอาจไม่ใช่แค่เพราะ เด็กติดเกม แต่เป็นเพราะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ขาดวิจารณญาณในการเลือก และที่สำคัญผู้ผลิตขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เพราะเกมบางเกมที่ผู้ผลิตคิดและสร้างสรรค์มาอย่างดี มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเรียนรู้ เสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางจิตใจและสังคม เป็นเกมสีขาวที่น่าส่งเสริมให้เด็กๆ เล่น แต่เกมไม่สร้างสรรค์กลับมีปริมาณมากมายกว่าเกมสีขาวหลายเท่าตัว แถมยังหาเล่นง่าย ราคาไม่แพง ที่สำคัญไม่เพียงแต่เกมเท่านั้นที่ส่งผลกระทบกับเด็กและเยาวชน แต่เว็บไซต์ที่เด็กและเยาวชนสามารถท่องไปในโลกที่พวกเขาอยากรู้อยากเห็นได้อย่างง่ายดาย โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เป็นปัจจัยเสริมให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมผิดๆ ปัญหาคือ เราจะสร้างเกราะป้องกันทั้งเกมและเว็บไซต์ไม่สร้างสรรค์นี้อย่างไรเพื่อให้เด็กหันมาสนใจเกมสีขาวตระหนักในบทบาทหน้าที่ของเด็กและเยาวชนและมีวิจารณญาณในการเล่นมากขึ้น ต่อปัญหาดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด จึงจัดทำ โครงการอบรมเยาวชนในการสอดส่องและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ DSI CYBER FORCE ขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2547 โดยในปีนี้นับเป็นปีที่ 5 สำหรับโครงการนี้ มีเด็กและเยาวชนผ่านการอบรมในโครงการกว่า 2,000 คน จาก 20 โรงเรียนทั่วประเทศ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการ สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า โครงการ DSI CYBER FORCE เป็นโครงการที่เน้นให้ความรู้กับเยาวชนในเรื่องพิษภัยทางอินเทอร์เน็ต เพื่อไม่ให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้กระทำต่อเหยื่อเสียเอง โดยในการอบรมแต่ละครั้งจะมีทั้งนักเรียนและครูเข้าร่วมอบรม เพื่อเรียนรู้ถึงลักษณะของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และตระหนักถึงพิษภัยบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งรู้วิธีการแก้ไข การป้องกันภัยทางอินเทอร์เน็ต การรักษาสภาพสถานที่ที่เกิดเหตุ แจ้งเบาะแสเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม และอาชญากรรมอื่นๆ ที่ใกล้ตัว ภัยด้านความมั่นคง ทั้งในการข่าวปกติ หรือที่ได้รับภารกิจเป็นพิเศษ โดยมีการรายงานข่าวหน้าเว็บไซต์ เพื่อความปลอดภัยของผู้แจ้ง รวมทั้งมีการกระจายความรู้ให้บุคคลรอบข้าง พ.ต.ท.พัฒนะ ศุกรสุต พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 สำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า โครงการมีเป้าหมายเพื่อดึงเยาวชนมาเป็นแนวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษในการติดตามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเยาวชนส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมากกว่าผู้ใหญ่ มีโอกาสเข้าไปสู่การกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ได้ง่าย ดังนั้นการดึงเยาวชนมาร่วมโครงการนี้ นอกจากจะทำให้เด็กเรียนรู้เรื่องพิษภัยจากคอมพิวเตอร์แล้ว ยังสามารถดึงเข้ามาเป็นแนวร่วมแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย ทั้งนี้การอบรมเยาวชนตามโครงการ DSI CYBER FORCE นั้นจะจัดขึ้นทุกๆ ปี โดยแต่ละปีมีเป้าหมายในการอบรมให้ความรู้และดึงเยาวชนระดับมัธยมต้นและปลายเข้ามาเป็นแนวร่วม 600 คน แบ่งการอบรมเป็น 4 รุ่น รุ่นละ 150 คน ซึ่งในปี 2551 นี้มีเป้าหมายเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเริ่มอบรมระหว่างเดือนสิงหาคม กันยายนนี้ น.ส. รัตนาพร อิ่มอารมณ์ หรือ น้องติ้ง นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ หนึ่งในสมาชิกโครงการ DSI CYBERFORCE ที่ผ่านการอบรมจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อปี 2550 กล่าวว่า สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพราะตนเองและเพื่อนส่วนใหญ่มีความชอบส่วนตัวในเรื่องคอมพิวเตอร์และตั้งใจว่าจะเรียนต่อทางด้านนี้ เมื่อเห็นโครงการดังกล่าวจึงตอบรับเข้าร่วมอบรมทันที การเข้าร่วมโครงการได้รับความรู้มากกว่าที่คิด เช่นเรื่องภัยใกล้ตัวบนโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้เราตระหนักถึงปัญหามากขึ้น และมีเกร็ดความรู้เรื่องอื่นๆ อีกมาก เช่น Search Engine ในการหาข้อมูล และมีการขยายเครือข่ากรรมทางคอมพิวเตอร์ ทำให้รู้ว่าอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างไร มีกี่ประเภท รู้จักและระวังตัวในการป้องกันมากขึ้น และการอบรมก็เป็นไปอย่างสนุก ไม่น่าเบื่อ รัตนาพร กล่าว น้องติ้ง ยังบอกด้วยว่า ตนและเพื่อนๆ ส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ต้องเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตทุกวันไม่ที่บ้านก็ที่โรงเรียน บางคนเข้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หลังจากเข้าร่วมอบรมโครงการ DSI CYBER FORCE ทำให้มีมุมมองในการเข้าอินเตอร์เน็ตต่างไปจากเดิม มีความระมัดระวังมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ต แล้วพบพวกเมลล์ขยะเด้งขึ้นมาก็จะกดรับๆ ไปแบบมั่วๆ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ปัจจุบันทำให้รู้ว่าเมลล์ขยะเหล่านั้นบางอันเป็นไฟล์ต้องสงสัยอาจจะไม่ปลอดภัยกับคอมพิวเตอร์ของเรา มีความระมัดระวังมากขึ้น และตอบปฏิเสธเสียส่วนใหญ่ การเข้าร่วมโครงการ DSI CYBERFORCE กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่เพียงแต่จะทำให้ น้องติ้ง และเพื่อนเยาวชนอีกหลายโรงเรียนเรียนรู้พิษภัยจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังทำให้ น้องติ้ง ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฯและบทบาทหน้าที่ของเยาวชนคนหนึ่ง เมื่อเธอขึ้นมาอยู่ชั้นม.6 ในปีนี้ เธอจึง เลือกทำโครงงานเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML โดยมีเนื้อหาในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ การรู้เท่าทันพิษภัยจากอินเทอร์เน็ต การแจ้งเบาะแส การเก็บหลักฐานเบื้องต้น และความรู้อื่นๆ ตามที่ตนเคยได้รับ เพื่อเผยแพร่ให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้เรียนรู้ร่วมกัน และเพื่อร่วมขยายเครือข่ายแจ้งเบาะแสอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยได้แรงบันดาลมาจากโครงการ DSI CYBER FORCE อาจารย์พันทูร บุญยัง อาจารย์สอนวิชาคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ กล่าวว่า โครงงานที่ น้องติ้ง นำเสนอเป็นโครงงานเดี่ยวภายใต้วิชาคอมพิวเตอร์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองอย่างอิสระ โดยผลงานของนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกแล้วว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคมก็จะลิ้งค์กับเว็บไซต์ของโรงเรียน ส่วนกรณีโครงงานของ น้องติ้ง หากผลงานออกมาเป็นที่พอใจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษอนุญาตแล้วก็อาจจะลิ้งค์กับเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย อย่างไรก็ตามอาจารย์พันทูร กล่าวถึงปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ในขณะนี้ว่า สิ่งสำคัญคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์อย่างไม่รู้จัก และรู้ไม่เท่าทัน คอมพิวเตอร์จึงเป็นเหมือนทางหลายๆ แพร่งบนโลกอินเทอร์เน็ต เพราะหากเด็กหรือเยาวชนเข้าไปโดยไม่มีเป้าประสงค์ที่แน่นอน หรือไม่มีคีย์เวิร์ดที่ชัดเจนว่าจะเข้าไปค้นคว้าเรื่องอะไร ก็มีโอกาสที่จะหลงไปเว็บไซต์อื่นๆ ได้ ประกอบกับเว็บไซต์บางอย่างสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงส่วนร่วม ขาดความรับผิดชอบ ก็ทำให้เยาวชนหลงเชื่อและเลือกทางผิดบ่อยครั้ง นอกจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วก็ต้องตั้งมั่นในเป้าหมายด้วย เพราะหากเอนเอียงเมื่อไหร่ เขาก็อาจหลงเข้าไปในอินเทอร์เน็ตไม่พึงประสงค์ทันที สิ่งสำคัญคือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันให้ความรู้กับเยาวชนในการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องและรู้เท่าทัน โดยไม่ปิดกั้น เพราะการปิดกั้นจะทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้น ดังกรณีโครงการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ นับเป็นโครงการที่ดี ซึ่งเปิดกว้างให้เยาวชนเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และสำหรับตนในฐานะอาจารย์สอนวิชาคอมพิวเตอร์และผู้ดูแลระบบอินเทอร์เน็ตแล้วโครงการนี้นับเป็นอีกโครงการที่ดีมากและอยากให้มีต่อไปเรื่อยๆ พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษหวังว่าโครงการ DSI CYBER FORCE จะทำให้เยาวชนรู้เท่าทันภัยที่มาจากคอมพิวเตอร์ พร้อมให้คุณค่ากับเยาวชนว่าเขาเป็นผู้มีความสามารถทำความดีให้เพื่อนให้สังคมของเขาได้โดยการเป็นเครือข่ายยุติธรรมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแสการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ช่วยเหลือราชการ ประเทศชาติ โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ หวังว่าจะขยายเครือข่ายเยาวชนออกไปให้กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด





ที่มา http://www.innnews.co.th/crime.php?nid=125793
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ตัวอ่านการ์ด MobileLite เจเนอเรชั่น 2

ตัวอ่านการ์ด MobileLite เจเนอเรชั่น 2รองรับการ์ดหลากรูปแบบ เพิ่มสปีดถ่ายโอนข้อมูลเร็วและใช้งานง่าย


Kingston Technology Company, Inc ผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์หน่วยความจำระดับโลก ประกาศเปิดตัวการ์ดรีดเดอร์ รุ่น MobileLiteG2 ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่สองของการ์ดรีดเดอร์ MobileLite Flash สุดฮิต ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างแฟลชเมมโมรี่การ์ดกับเครื่องพีซีหรือเครื่องแม็คอินทอชเป็นไปอย่างง่ายดาย รองรับรูปแบบการ์ดที่หลากหลาย อาทิ SD, SDHC, microSD, microSDHC, *Memory Stick PRO Duo, *Memory Stick PRO-HG Duo และ *Memory Stick Micro (*M2)

มร. นาธาน ซู ผู้อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์แฟลชเมมโมรี่ ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิคของคิงส์ตัน กล่าวว่า “MobileLiteG2 เป็นตัวอ่านการ์ดขนาดเล็กแบบพกพาได้ ที่ช่วยให้การจัดการข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล หรือเครื่องเล่น MP3 รวมถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลักผ่านยูเอสบี เช่น เครื่องพีซี เป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวก สำหรับผู้ใช้’งานทั่วไปและใช้ในธุรกิจ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและความสามารถแบบปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ทำให้ตัวอ่านการ์ดรุ่นนี้กลายเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลเคลื่อนที่”

ตัวอ่านการ์ด MobileLiteG2 มีฝาครอบแบบดึงกลับได้ในแต่ละด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้หัวต่อ ยูเอสบีและแฟลชเมมโมรี่การ์ดเกิดความเสียหาย มาพร้อมสายคล้องและสายส่วนขยายยูเอสบีขนาดสั้น เพื่อให้การเชื่อมต่อกับช่องเสียบยูเอสบีง่ายยิ่งขึ้น และเมื่อใช้งานตัวอ่านการ์ด MobileLiteG2 จะปรากฏเป็นตัวอักษรชื่อไดรฟ์สองตัวอักษรอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไดรฟ์ E: หรือไดรฟ์ F: นอกจากนี้ การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างการ์ดหรืออุปกรณ์หลักยังสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่ลากแล้วปล่อย

MobileLiteG2 มาพร้อมกับตัวอ่านแบบสแตนด์ อโลน และจัดจำหน่ายในลักษณะบันเดิล พร้อมการ์ด SDHC คลาส 4 ความจุ 4GB หรือ 8GB พร้อมรับประกันนานถึงสองปี ส่วนการ์ดของคิงส์ตันให้การรับประกันตลอดอายุการใช้งาน สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ www.kingston.com/thailand

คุณสมบัติและข้อมูลจำเพาะของตัวอ่านการ์ด MobileLiteG2 ความเข้ากันได้

: ใช้งานได้กับพอร์ตยูเอสบี 2.0, SD 2.00, SDHC 4.1 ชนิดมาตรฐาน และ *MS PRO-HG Duo รุ่นใหม่ชนิดมาตรฐาน ใช้งานได้อเนกประสงค์

: การ์ดรีดเดอร์ยูเอสบีแบบมัลติฟังก์ชั่นรองรับการ์ดหลากหลายประเภท อาทิ SD/SDHC, microSD/SDHC, *MSPD, *MS PRO-HG Duo และ *M2 พกพาได้

: พกพาใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้ง่ายดาย ใช้งานง่าย

: ด้วยคุณสมบัติแบบปลั๊ก แอนด์ เพลย์ในพอร์ตยูเอสบี 2.0 หรือพอร์ต 1.1 ขนาด

: 2.45" x 1.16" x 0.646" (62.15 มม. x 29.40 มม. x 16.40 มม.) น้ำหนัก

: 18.90 กรัม อุณหภูมิขณะทำงาน: -40°F ถึง 140°F (0°C ถึง 60°C) อุณหภูมิในการจัดเก็บ: -4°F ถึง 158°F (-20°C ถึง 70°C)

บทความ : http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?860

ภาพประกอบ : http://www.pantip.com/tech/market/newproducts/detail.php?860

Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มาแล้ว ! ฮาร์ดไดร์ฟ WD My Book® 3.0 เอ็กซ์เทอร์นัลไดร์ฟตัวแรกที่ใช้งานได้กับ USB 3.0 SuperSpeed

WD My Book 3.0 เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตัวแรกที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ที่สามารถใช้งานกับ USB 3.0
SuperSpeed และผ่านการรับรองแล้ว


เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) ผู้นำโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูลแบบติดตั้งภายนอกที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประกาศเปิดตัวฮาร์ดไดร์ฟแบบติดตั้งภายนอกสำหรับตลาดเครื่องเดสก์ท็อปตัวใหม่ ล่าสุด “My Book 3.0” จากตระกูล My Book® ซึ่งเป็นเอ็กซ์เทอร์นัลฮาร์ดไดร์ฟที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็ว ที่สุด ทั้งนี้ My Book 3.0 เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ตัวแรกๆ ที่สามารถใช้งานได้กับอินเทอร์เฟส USB 3.0 SuperSpeed ซึ่งผ่านการรับรองแล้ว ด้วยอินเทอร์เฟสแบบซูเปอร์สปีดที่มีความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็วสูง สุดถึง 10 เท่าของ USB 2.0 ทำให้ฮาร์ดไดรฟ์ประสิทธิภาพสูงรุ่น My Book 3.0 สามารถลดเวลาที่ใช้ในการเปิดและบันทึกไฟล์ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างมาก

WD นำเสนอฮาร์ดไดร์ฟ My Book 3.0 ความจุ 1 เทราไบต์นี้ในรูปแบบสแตนด์ อโลน หรือในชุดคิทที่รวมเอาการ์ดตัวแปลง USB 3.0 PCIe (gen2) เข้าไว้ด้วย ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้วขณะนี้ในร้านค้าปลีกที่ได้รับการแต่งตั้ง ส่วนรุ่นความจุ 2 เทราไบต์คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ทั้ง นี้ อินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 SuperSpeed ในฮาร์ดไดร์ฟ My Book 3.0 มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูล [1] ที่ความเร็วสูงสุดถึง 5 กิกะบิตต่อวินาที ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดและบันทึกไฟล์ได้ในความเร็วเต็มพิกัดสูงกว่า USB 2.0 ถึง 4.7 เท่า และ My Book 3.0 ยังสอดคล้องกับมาตรฐาน USB 3.0 SuperSpeed ของ USB-IF ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการพัฒนาและสนับสนุนมาตรฐาน USB แบบไม่หวังผลกำไร เพื่อให้สามารถเข้ากันได้กับ USB 3.0 และ USB 2.0 นอกจากนี้แล้ว USB 3.0 SuperSpeed ยังสามารถเข้ากันได้ย้อนหลังกับรุ่นที่เก่ากว่าอย่าง USB 2.0 และ USB 1.1 ได้

In-Stat ซึ่งเป็นบริษัทผู้วิจัยตลาดคาดการณ์ว่า USB 3.0 SuperSpeed จะได้รับการจำหน่ายในตลาดทั่วโลกสูงถึง 1,000 ล้านตัวในปี 2013 หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของตลาดทั้งหมดภายในปี 2013 (การคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2009)

มร. เดล พิสทิลลิ รองประธานฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดไดร์ฟแบบติดตั้งภายนอกของ WD กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า “ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรอเทคโนโลยีเพื่อที่จะไล่ตามให้ทันไอเดียของพวกเขาอีก ต่อไป ด้วยฮาร์ดไดร์ฟตัวใหม่ My Book 3.0 แบบซูเปอร์สปีดนี้ ผู้ใช้ก็จะได้รับความเร็วในระดับที่พวกเขาต้องการสำหรับใช้ในงานที่ต้องใช้ ทรัพยากรเป็นอย่างมาก เช่น การตัดต่อภาพวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว และโปรแกรมการออกแบบกราฟิก”

ราคาและการวางจำหน่าย
ฮาร์ดไดร์ฟ My Book 3.0 ตัวใหม่มีจำหน่ายที่ขนาดความจุ 1 เทราไบต์ พร้อมการรับประกันแบบจำกัดนาน 3 ปีเต็ม สินค้าพร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านค้าปลีกและผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการ แต่งตั้ง ได้แก่ A&L โทร. 02-685-8800 และ Com7 โทร. 02-7145777 ราคาขายปลีกของ My Book 3.0 ความจุ 1 เทราไบต์ อยู่ที่ 6,290 บาท และราคาขายปลีกของ My Book 3.0 ในชุดคิทที่ประกอบด้วยการ์ดตัวแปลง USB 3.0 PCIe (gen2) อยู่ที่ 6,920 บาท ส่วนขนาดความจุ 2 เทราไบต์คาดว่าจะออกวางจำหน่ายในช่วงปลายสัปดาห์นี้

คุณลักษณะของฮาร์ดไดร์ฟ My Book 3.0
- ใช้อินเทอร์เฟส USB 3.0 SuperSpeed ซึ่งมีอัตราความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่า เพื่อเร่งให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดของยูเอสบีที่มีการวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
- ช่วยให้งานเสร็จอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด – งานตัดต่อภาพวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว งานกราฟิกดีไซน์ และไฟล์สื่อขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ทรัพยากรเป็นอย่างมาก จะได้รับการบันทึกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งคุณไม่จำเป็นต้องรอให้เทคโนโลยีไล่ตามทันความคิดของคุณอีกต่อไป
- ดีไซน์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความมันวาว แสดงถึงคุณลักษณะของพื้นผิวคุณภาพดี ที่ช่วยเพิ่มความเด่นเป็นสง่าเมื่อตั้งอยู่บนชั้นวางของคุณ
- เข้ากันได้กับ [2] พอร์ต USB 2.0 – อินเทอร์เฟส USB 3.0 นี้สามารถเข้ากันได้กับยูเอสบีที่เก่ากว่าอย่างเช่น USB 2.0 ได้ โดยไม่ต้องเพิ่มอุปกรณ์อื่นๆ แต่อย่างใด
- คุณภาพจาก WD ทั้งภายในและภายนอก – ได้รับการออกแบบด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันในเรื่องของคุณภาพ ที่ทำให้ฮาร์ดไดร์ฟแบบติดตั้งภายนอกในตระกูล My Book เป็นฮาร์ดไดร์ฟที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งในโลก
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยกล่องขนาดเล็กที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้สำหรับการขายปลีก ซึ่งกล่องนี้ผลิตจากวัสดุแบบรีไซเคิล เพื่อช่วยลดปริมาณขยะ
- พร้อมใช้งานแบบปลั๊กแอนด์เพลย์ได้ทันทีด้วยเครื่องพีซี ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows® และ
- การรับประกันแบบจำกัดนาน 3 ปี
[1] ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าระบบของผู้ใช้
[2] เมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เฟส USB 2.0 การถ่ายโอนข้อมูลจะเกิดขึ้นที่ระดับความเร็วของ USB 2.0

ข้อมูลเกี่ยวกับ WD
เวสเทิร์น ดิจิตอล (WD) หนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียง ระดับโลก WD จัดจำหน่ายสินค้าและบริการให้แก่บุคคลทั่วไป รวมทั้งองค์กรที่ต้องการรวบรวม จัดการ และใช้ข้อมูลดิจิตอล WD เป็นผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ในเรื่องคุณภาพ ซึ่งช่วยในการเก็บรักษา ป้องกันการสูญหายของข้อมูลและเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ WD ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2513 โดยผลิตภัณฑ์ด้านจัดเก็บข้อมูลของเวสเทิร์น ดิจิตอลถูกจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตระบบและผู้ขายปลีกระดับชั้นนำที่ได้รับ การคัดสรร ภายใต้แบรนด์เวสเทิร์น ดิจิตอล และดับบลิวดี สำหรับข้อมูลในส่วนนักลงทุน สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ (www.westerndigital.com) เพื่ออ่านข้อมูลนักลงทุนและข้อมูลด้านการเงินต่างๆ สำหรับข้อมูลภาษาไทย www.westerndigital.co.th
Western Digital, WD, WD My Book และ สัญลักษณ์ WD เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน My Book 3.0 เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ WD ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ส่วนเครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดในที่นี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของแต่ละราย ข้อมูลจำเพาะของสินค้าอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 1 กิกะไบต์ (GB) = 1 พันไบต์ , 1 เทราไบต์ (TB) = 1 ล้านล้านไบต์ ความจุทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน


ที่มา:http://www.overclockzone.com/news/news/informations/2010/01/58/

Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ทรูมูฟ ชวนส่ง SMS ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ "เฮติ" ข้อความละ 10 บาท



ทรูมูฟ ร่วมกับครอบครัวข่าว 3 ขอเชิญชวนผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ที่เฮติ ผ่าน SMS โดยพิมพ์ข้อความ "เฮติ" หรือ “Haiti” ส่งไปที่หมายเลข 4567890 ร่วมบริจาคครั้งละ 10 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เมื่อทำ
รายการสำเร็จ ระบบจะส่งข้อความตอบรับ "ขอบคุณที่ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือเฮติค่ะ" สามารถส่ง SMS บริจาคได้ไม่จำกัด ตั้งแต่วันนี้ -19 มีนาคม 2553 ทั้งนี้ ทรูมูฟจะมอบเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ พร้อมร่วมบริจาคสมทบอีก 500,000 บาท ให้แก่สภากาชาดไทยต่อไป

ที่มา: http://www.overclockzone.com/news/news/informations/2010/01/57/
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

เทคโนโลยีวันนี้ By Vittaya



ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีนั้นเปรียบได้กับปัจจัยข้อที่ 5 ของเราทุกคนเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็ต้องพบเจอกับเทคโนโลยี
ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆนั้นมีขึ้นมาเพื่อให้พวกเราใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ทว่าสิ่งต่างๆบนโลกล้วนแต่มีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี
เทคโนโลยีก็เช่นกัน มีทั้งผลดีกับผลร้ายต่อพวกเราทั้งนั้น เทคโนโลยีมันจะส่งผลดีหรือผลร้ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้มัน
ถ้าหากใช้มันในด้านที่ดีก็จะส่งผลประโยชน์ต่อพวกเราอย่างมากมาย แต่ถ้าหากนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีก็จะส่งผลร้ายต่อพวกเราเช่นกัน
ดังนั้นขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะใช้ "เทคโนโลยี" ให้เป็นประโยชน์ หรือให้โทษร้ายแก่เรา

บทความโดย:Code : 51116940028 IT@SDU

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: http://hawaii.gov/ag/hitec/
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

Windows 7 รันบน iPad ได้หรือไม่?

มีคำถามมากมายหลังการเปิดตัวไอแพด (iPad) ของแอปเปิล (Apple) ซึ่งหนึ่งในคำถามเหล่านั้นก็คือ ผู้ใช้จะสามารถรัน Windows 7 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดของไมโครซอฟท์ (Microsoft) บนไอแพดได้ หรือไม่? คำตอบก็คือ ทำได้ครับ
ก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ผู้ใช้ที่มีแอพพลิเคชัน VNC viewers จะสามารถสั่งรันวินโดวส์แบบรีโมทขึ้นไปบนไอโฟน (iPhone) และไอพอดทัช (iPod Touch) ได้ แต่สิ่งที่นักพัฒนาต้องการทำได้มากนั้นก็คือ การทำให้ยูสเซอร์สามารถใช้ Windows 7 บนแก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุดของแอปเปิลอย่าง "ไอแพด" ได้



Citrix Systems บริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Virtualizationเชื่อว่า พวกเขาสามารถทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ไปทำงานบนไอแพดได้ โดยระบุว่า หากบริษัทของผู้ใช้ท่่านใดมีแอพพลิเคชัน XenDesktop หรือ XenApp เพียงแค่นี้ คุณก็จะสามารถใช้ไอแพดกับ Windows 7 ได้แล้ว โดยมันจะเปลียนหน้าจอแสดงผล 9.7 นิ้วของไอแพดด้วยเดสก์ทอปของ Windows 7 ที่ความละเอียด 1024 x 768 ผ่านทาง VDI XenDesktop เต็มหน้าจอ ทั้งนีทางบริษัทได้ทดลองรัน Windows 7 บน iPad SDK Emulator ผ่านการทำงานของโปรแกรม Citrix Receiver และ XenDesktop 4 ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม งานนี้คงต้องรอดูว่า เมื่อ iPad ของจริงออกวางตลาด แอพฯของพวกเขาจะสามารถทำให้ Windows 7 สามารถรันบนไอแพดได้ดีสักแค่ไหน (สำหรับคลิปข้างล่างนี้เป็นการใช้แอพฯ VNC รัน Windows แบบรีโมทไปบน iPhone)



ข้อมูลจาก: internetnews
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

เปิดตัวแล้วแฟลชไดรฟ์ 256 GB จาก Kingston



Kingston ประกาศเปิดตัวแฟลชไดรฟ์รุ่นใหม่ Data Traveler 300 ซึ่งมีความจุมากถึง 256 GB เรียกว่ามีขนาดเท่ากับ hard disk ของเครื่องคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ hard disk ของ Notebook ซึ่งในหลายๆ รุ่นยังมีขนาดเพียง 150 GB

สำรองข้อมูลทั้ง hard disk




จุดเด่นของการมีหน่วยความจำสูงๆ อย่างนี้ คงไม่พ้นเรื่องการสำรองข้อมูล ไมว่าจะงาน documents ต่างๆ รวมทั้งสำรองไฟล์วีดีโอ รูปภาพต่างๆ รวมทั้งไฟล์เพลงประเภท MP3 ยังงี้ไม่ต้องง้อ USB hard disk แล้ว เพราะความจุใกล้เคียงกัน แต่ขนาดแตกต่างกันมาก
ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูล

* ความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงถึง 20MB/s
* ความเร็ซในการเขียนข้อมูลได้เร็ว 10MB/s

รองรับการทำงานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS ครับ ส่วนเรื่องราคาค่อนข้างสูงมากอยู่ที่ US$900 บาท ลองคิดคร่าวๆ ก็เอา 34 คูณเข้าไป แต่แนะนำให้ใจเย็นสักนิด รับรองราคาจะลดลงเหมือนเดิม แต่ถ้าอยากจะอินเทรนด์ก่อนใครก็ไม่ว่าครับ ลองสอบถามไปยังบริษัท Kingston ดูกันเอาเองน่ะครับ

ที่มา: http://www.it-guides.com/index.php/technology-updated/665-kington-flash-drive-256-gb
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

เมื่อหนึ่งหน้าจอ ไม่เพียงพอต่อการทำงาน



เทคโนโลยีอัปเดทใหม่ ! มาแล้วครับ สาเหตของเรืองนี้เป็นของ Notebook ที่มีพื้นที่ในการทำงานไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับผู้ทำงานด้านด้านกราฟฟิก หรือพนักงานบัญชีทั้งหลาย แล้วจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร โดยปกติ เราก็มักจะต่อจอภายนอกเพิ่ม ซึ่งความเป็นจริง ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก แต่จะไม่สะดวกในกรณีที่ไปพรีเซ็นสินค้ากับลูกค้า อย่างนี้ ต้องเพิ่มหน้าจอ LCD ให้เป็น 2 ตัว และให้อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook เพียงเครื่องเดียวเลยดีกว่า..

เรืองจริง ไม่ได้โกหกนะคะ..

2 LCD Screen Notebook


Notebook รุ่นนี้เป็นของญี่ปุ่น ยี่ห้อ "ONKYO" รุ่น DX1007A5 มีคุณสมบัติพิเศษคือ มี 2 หน้าจอ LCD สามารถเก็บได้ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ 2 หน้าจอ และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม เรียกว่า เอาคนอ้วนๆ 2 คนนั่งบน ยังสบายๆ

คุณสมบัติของ Notebook "ONKYO"

* Windows® 7 Home Premium
* CPU AMD Athlon 1.60 GHz
* รองรับหน่วยความจำได้ 4 GB
* ฮาร์ดดิสก์ 320GB (Serial ATA 3Gb/s、5,400rpm)
* รองรับความละเอียดของหน้าจอสูงสุด 1,600×1,200
* มี LAN/Wireless/Bluetooth
* น้ำหนัก 1.8 kg.


ที่มา : http://onkyodirect.jp/pc/dx/
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ของเล่นอินเทรนด์ใหม่จาก Apple


หลังจากที่ Apple ได้เขย่าวงการโทรศัพท์มือถือไปแล้วกับการออกตัวของ iPhone และโดยเฉพาะรุ่น iPhone 3G ที่ทำให้เป็นความปรารถนาสูงสุดของใครๆ อีกหลายคน อาจรวมถึงคุณด้วยใช่หรือเปล่า มาวันนี้ Apple ได้ทำการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ iPad

iPad คืออะไร




ขนาดสัดส่วน และน้ำหนัก


* กว้าง x ยาว 7.47 นิ้ว x 9.56 นิ้ว
* ความหนา 0.5 นิ้ว
* น้ำหนัก 1.5 ปอนด์ หรือ 0.68 กิโลกรัม (รุ่นน Wi-fi อย่างเดียว)
* น้ำหนัก 1.6 ปอนด์ หรือ 9.73 กิโลกรัม (รุ่น Wi-fi + 3G)

รายละเอียดคุณสมบัติเพิ่มเติม

* หน้าจอ LED 9.7 นิ้ว
* ความละเอียด 1026 x 768 ฟิกเซล
* resolution 132 ppi
* ความจุ 16, 32, 64 GB (Flash Memory)
* รองรับการใช้งาน BlueTooth

ความสามารถของ iPad มีอะไรบ้าง


* เล่นอินเตอร์เน็ต มาพร้อมกับเว็บบราวเซอร์ของ Apple เองที่ชือว่า Safari
* รับส่งเมล์ รอบรับระบบเมล์ต่างๆ MobileMe, Yahoo! Mail, Gmail, Hotmail, and AOL.
* โฟโต้อัลบัม (Photo Album) ดีๆ อย่างหนึ่ง (คล้ายกับ Digital Frame)
* เรื่องง่ายๆ ในการดูวีดีโอผ่าน iPad
* Youtube แหล่งรวมวีดีโอที่ทำให้คุณง่ายในการเข้าถึง
* รองรับรูปแบบการใช้งานแบบ iPod และผ่านโปรแกรม iTunes
* รองรับการใช้งานแผ่นที่ หรือ MAP
* สามารถทำเป็นสมุดแบบพกพาได้ง่ายๆ
* และความสามารถพื้นๆ อย่างเช่น Calendar และ Contracts
* เครื่องมือในการค้นหา Sportlight Search

สำหรับสนนราคา ก็เริ่มต้นที่ US$499 หรือประมาณ 15,000 บาทครับ

ที่มา: http://www.it-guides.com/index.php/technology-updated/1101-ipad-from-apple
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ศัพท์ย่อที่ควรทราบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ล็ก ๆ น้อย ๆ เก็บมาฝากกันสำหรับศัพท์ย่อ บางคนไม่ทราบว่าเต็ม ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่

AD : Active directory
HW : Hardware
SW : Software
ARC : Advanced Risc Computing
ARP : Address Resolution Protocol
ICF : Internet Connection Firewall
ICS : Internet Connection Sharing
RRAS : Remote and Routing Access Service
XP : Experience
HKLM : Hkey Local Machine
HD : HardDisk
EAP : Enhance Authentication Protocol
PAP : Password Authentication Protocol
CHAP : Challenge Hankshake Authentication Protocol
MSCHAP : Microsoft CHAP
OS : Operating system
ACPI : Advance Configuration Power Interface
URL : Uniform Resouce Locator
HTTP : HyperText Markup Language
SCSI : Small Computer System Interface
WMI : Windows Management Instrumentation
CPU : Central Processor Unit
APIPA : AutoPrivate Internet Protocol Address
ISP : Internet Service Provider
DHCP : Dynamic Host Configuration Protocol
DNS : Domain Name System
WINS : Windows Internet Name Service
RIS : Remote Installation Service
IAS : Internet Authentication Protocol
IIS : Internet Information Service
VPN : Virtual Private Network
USB : Universal Serial Bus
HCL : Hardware Compatibility List
IEEE : Institute of Electrical and Electronics Engineers

ที่มา: http://www.bcoms.net/tipcomputer/detail.asp?id=1219
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

มารู้จักกับ 3D Mark กันเถอะ



หลายๆคนอาจจะรู้จักกับตัวโปรแกรม 3D Mark กันดีอยู่แล้ว หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก เราลองมาดูกันนะครับว่าตัวโปรแกรมนี้มีประโยชน์อะไรแล้วใช้งานอย่างไรกัน บ้าง

โปรแกรม 3D Mark ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ เรื่องการแสดงผลของภาพสามมิติ เป็นการแสดงผลในรูปแบบของเกมสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะแบ่งการทดสอบออกเป็นตอนๆ แต่ละตอนมุ่งเน้นทดสอบความสามารถของการ์ดแสดงผลในแต่ละอย่าง เช่นทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผล3มิติ ประสิทธิภาพของซีพียู การแสดงภาพในรูปแบบต่างๆ การทดสอบเหล่านี้จะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนเพื่อบอกว่าอุปกรณ์ที่เรามีตอนนี้ ได้คะแนนเท่าไร

เป็นโปแกรมที่รวมเอ็นจิ้นและฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกมส์ยุคต่อไปควรจะมี และโปรแกรม 3D Mark ซึ่งออกมาในแต่ละครั้งก็จะมีฟีเจอร์ของการแสดงผลใหม่ๆออกมาทุกครั้ง เพื่อทดสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันว่าสามารถรองรับการ แสดงผลของเกมยุคใหม่ได้ แค่ไหน

นอกจากจะใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องแล้ว ก็ยังนิยมนำไปทดสอบอุปกรณ์ที่ทำการโอเวอร์คล๊อกหรือมีการเพิ่มสัญญาณนาฬิกา ก่อนใช้งานจริงเพราะเมื่อผ่านการทดสอบของโปรแกรม 3D Mark ได้ ก็แสดงว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นก็น่าที่จะสามารถทนทานต่อการใช้งานจริงๆได้ หรืออยากจะทดสอบว่าเครื่องควรจะเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นไหนเพื่อสนองความต้องการ ในการเล่นเกมที่ดีขึ้นก็สามารถใช้ทดสอบได้ บางครั้งสามารถใช้ตรวจหาความผิดพลาดในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นเมื่อทำการทดสอบแล้วปรากฏว่า การทำงานของโปแกรม 3D Mark มีการทำงานที่ผิดปรกติ หรือได้คะแนนน้อยกว่าปรกติ ก็แสดงว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรากำลังมีปัญหาซึ่งสามารถตรวจสอบได้อย่าง คร่าวๆ

ในการทดสอบเราก็ต้องเตรียมอุปกรณ์และไดร์เวอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ให้พร้อม โปรแกรม DirectX เวอร์ชันล่าสุด ถ้าอุปกรณ์หรือไดร์ฟเวอร์ที่เรามีไม่ตรงตามที่โปแกรม 3D Mark ต้องการ เราก็ไม่สามารถที่จะรันโปรแกรมได้ และที่สำคัญต้องเตรียมใจไว้ด้วย เพราะหลายครั้งที่อุปกรณ์ที่เราภูมิใจนักหนาก็ได้คะแนนจากการทดสอบออกมาต่ำ มากๆ แต่คงไม่ถึงกับต้องวิ่งไปซื้ออุปกรณ์รุ่นใหม่ๆมาเพื่อเปลี่ยนหรอกนะครับ ก็บอกแล้วว่าเป็นการทดสอบสำหรับเกมในอนาคต ถ้าปัจจุบันเครื่องของเรายังเล่นเกมได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนก่อนเวลาอันควร

โปรแกรม 3D Mark ซึ่งใช้ทดสอบเป็นของ Futuremark Corporation ซึ่งออกมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว ตั้งแต่เวอร์ชั่นของปี 99 ปี2000 และ ปี2001 จนปัจจุบันนี้ 3D Mark06 หรือสำหรับปี 2006 ที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญกันว่าสามารถสยบการ์ดแสดงผลสามมิติระดับสูงสุดรุ่น ปัจจุบันให้อยู่แทบเท้าได้

เราจะเริ่มกันที่ 3D Mark 03 เป็นเวอร์ชันที่ออกมาในปี 2003 และเป็นมาตรฐานของเกมในปัจจุบันนี้ครับ เป็นเวอร์ชั่นที่รองรับ DirectX 9.0a ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้จะมีการทดสอบในส่วนของเกมเทสทั้งหมด 4 เกมคือ Wing of Fury, Battle of Proxycon, Troll's Lair, Mother Nature มีการทดสอบCPU ทดสอบเรื่องเสียง ทดสอบเรื่องของ Fill Rate , Vertex Shader , Pixel Shader2.0 และระบบฟิสิกส์ของ Havok โดยการทดสอบส่วนมากจะเป็นการทดสอบฟีเจอร์ของ DirectX 7 ถึง DirectX 9.0a ซึ่งรวมไปถึง heavy particles , Depth of Field , Bloom post processing effects , dynamic shadows และ Higher color range

รุ่นต่อมาก็คือ 3D Mark 05 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสำหรับปี 2005 หลายคนอาจจะสงสัยว่าเวอร์ชั่นของปี 2004 หรือ 3D Mark 04 หายไปไหน แต่ ณ วันที่ 3D Mark 05 ออกสู่สายตา ข้อสงสัยนั้นก็หมดสิ้นไปทันที เพราะหลังจากที่ 3D Mark 03 ออกมามีการ์ดแสดงผลไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถสยบมันลงได้ ส่วนที่เหลือก็อยู่ในขั้นกลางๆ จนกระทั่งราวปี 2005 3D Mark 05 ก็ได้ออกมาให้ทดสอบกัน ผลการทดสอบก็เป็นเหมือนเช่นเคย การ์ดแสดงผลระดับสูงพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ก็มีการทดสอบต่างๆดังนี้ รองรับ DirectX 9.0c เกมทดสอบ3เกม คือ Return to Proxycon , Firefly Forest , Canyon Flight ทดสอบซีพียูระบบ multiprocessor ทดสอบเรื่องของ Fill Rate , Vertex Shader แบบธรรมดาและแบบ Complex , Pixel Shader ซึ่งทั้งหมดจะเน้นความเหมือนมากกว่าเดิม เพิ่มในส่วนของการเรนเดอร์แสงจำนวนมาก แสงในตอนกลางคืน และแสงกลางแจ้งซึ่งประกอบด้วยเงาบนพื้นน้ำ ซึ่งสะท้อนอย่างสมจริง รวมไปถึงสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ และหมอกซึ่งแสดงน้ำหนักใกล้ไกล ส่วนใหญ่จะเป็นการทดสอบสำหรับ DirectX 9 ซึ่งการ์ดแสดงผลสามมิติที่ไม่รองรับฟีเจอร์ของ DirectX 9 ก็จะได้คะแนนน้อยจนถึงขั้นไม่ได้คะแนนเลย

รุ่นต่อมาเวอร์ชันสำหรับปีนี้ครับ 3D Mark 06 ซึ่งการทดสอบต่างๆก็ใกล้หรือเหมือนเคียงกับเวอร์ชัน 05 มาก แต่มีสิ่งใหม่ที่ทำให้ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ยังต้องหนักใจ เมื่อทั้งหมดของการทดสอบเปลี่ยนมาใช้ Shader Model 2.0 และ Shader Model 3.0 รวมถึง HDR หรือ High Dynamic Range ซึ่งเป็นการแสดงแสงแบบเหมือนจริงอีกระดับหนึ่ง การทดสอบซีพียูซึ่งเกี่ยวกับ AI และระบบฟิสิกส์ ที่ทำงานกับซีพียูแบบ single core systems และ multi-threaded, multi-core และ multiple processor ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังเป็นมาตรฐานใหม่ มีหลายเกมนำไปใช้ และอีกหลายๆเกมได้ออกแพทช์เสริม เพื่อเปิดใช้ความสามารถบางส่วนให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานนี้แล้ว

สำหรับ 3D Mark ก็สามารถดาวน์โหลดมาทดสอบกันได้ครับที่ http://www.futuremark.com หรือถ้าทำการทดสอบแล้วปรากฏว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ไหวก็ลองเอา 3D Mark 2000 หรือ 2001 มาทดสอบก็ได้นะครับ เพราะยังมีให้ดาวน์โหลดอยู่เหมือนกันครับ ส่วนข้อมูลในเชิงลึกคงต้องรบกวนให้ไปศึกษาด้วยตัวเองครับ เพราะถ้าจะอธิบายจริงๆ คงเลคเชอร์กันยาวแน่นอนเลยครับ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ Futuremark เอง หรือจากเว็บไชต์องผู้ผลิตชิปเซ็ทของการ์ดแสดงผลสามมิติครับ

ทิปจาก www.manager.co.th
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

วิธีตรวจสอบชนิดของการ์ดจอ

คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้เมาส์คลิกขวาที่บริเวณพื้นเดสก์ทอปบนหน้าจอ
- เลือก Properties
- คลิกที่แท๊บ Settings
- จากนั้นให้คลิกปุ่ม Advanced เลือกแท๊บ Adapter



ในหน้าจอนี้เองจะมีรายละเอียดของการ์ดจอในเครื่องของคุณแจ้งไว้

ทิปจาก www.arip.co.th
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

ฮาร์ดดิสก์ กับ ฮาร์ดไดรฟ์



ฮาร์ดดิสก์ หมายถึง ฮาร์ดแวร์สำหรับการบันทึกข้อมูล มีโครงสร้างทางกายภาพเป็นแผ่นจานแม่เหล็ก ติดตั้งบนแกนหมุน ประกอบเข้ากับแผงอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกับเฟิร์มแวร์ภายในตัวทำหน้าที่ควบคุม การทำงานขั้นพื้นฐาน

ฮาร์ดไดรฟ์ หมายถึง หน่วยบันทึกและจัดเก็บข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเกิดจากการติดตั้ง ฮาร์ดดิสก์เข้าไปในระบบ โดยระบบปฏิบัติการพื้นฐานของคอมพิวเตอร์จะจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่ถูกติดตั้ง ใน 3 ลักษณะ คือ กำหนดให้ฮาร์ดดิสก์หนึ่งตัวทำงานเป็นหนึ่งฮาร์ดไดรฟ์ หรือกำหนดให้ฮาร์ดดิสก์ตัวหนึ่งตัวทำงานเป็นหลายฮาร์ดไดรฟ์ โดยการแบ่งพาร์ติชัน หรือกำหนดให้ฮาร์ดดิสก์หลายตัวทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งฮาร์ดไดรฟ์ โดยการหนดการติดตั้งแบบ RAID ก็ได้

ทิปจาก www.arip.co.th
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ

อยากประกอบเครื่องเอง ลองดูครับ วิธีประกอบคอม

มีหลายๆท่าน ได้รับสเปกที่หลายๆท่านจัดมาให้ ก็เอาไปซื้อมาให้ร้านประกอบ ซึ่งหลายท่าน ประสบปัญหาที่ว่า ของในรายการเวลาไปซื้อจริงๆ ต้องซื้อจากหลายๆที่หลายร้าน บางร้านก็ประกอบให้แต่เครื่องที่ซื้อของจากทางร้านทั้งหมด เจ้าอื่นปนมาไม่ต่อให้ หรือคิดตังเพิ่ม และหลายๆท่าน กลัวว่า ประกอบแล้วไม่ทำงาน เปิดไม่ติด ของที่ซื้อมาจะพัง ฯลฯ จนเกิดความกลัว ไม่กล้าประกอบเอง ทั้งๆที่ใจมันอยากทำ วันนี้ ผมรื้อเครื่องบัญชีที่ร้านพอดีครับ เลยเอากล้องมาถ่ายเป็นช็อตๆมาให้หลายๆท่าน ศึกษาการประกอบเครื่อง ด้วยตนเอง

ข้อดีของการต่อ/ประกอบเครื่องเอง คือ
-เป็นการสะสมประสบการณ์ด้านฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ไปในตัว
-เราจะรู้เบื้องลึกของเครื่องคอม ที่เราจะต้องใช้มันไปอีกหลายปี
-การแก้ปัญหาในเครื่องตัวเอง จะทำได้ง่าย เพราะเราเคยประกอบมาแล้ว ถึงจะลืมวิธี แล้วมาถามท่านอื่นๆ(คนรู้จัก หรือในบอร์ดนี้)ท่านก็จะทำมันได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยก็คุ้นๆละนะ ว่าเคยทำไง
-พอเราจะอัพเกรด ก็เหมือนข้อบน เคยทำแล้ว ก็ง่ายขึ้น
-ชิ้นส่วนเราซื้อมาทุกอัน มั่นใจได้เลยว่า สเปกตรงตามที่เราซื้อมา เพราะประกอบเอง ไม่ต้องกลัวร้านแอบเปลี่ยน ยกเว้นร้านที่ซื้อเอามาผิดหรือตั้งใจเอามาผิดนะครับ อิอิ
-เวลาเราทำเสร็จแล้ว และเปิด เข้าไบออสได้ ทุกอย่างทำงาน มันมีความรู้สึกแบบ โอ้จ๊อด มันยอดมาก มันจะให้ความรู้สึกภูมิใจสุดๆ(ผม...จำการประกอบเครื่องคอมเครื่องแรกของผม ได้ดี)

ข้อเสีย ก็มีนะ คือ
-บางครั้ง การประกอบไม่ดีพอ สายไฟรกรุงรัง อุปกรณ์บางตัวใส่ไม่แน่น
-ถ้าเกิดเราประกอบ แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น เช่น บอร์ดหล่น ฮาร์ดดิกส์หล่น เรารับเต็มๆ กับความผิดพลาด เช่น อาจจะเปลี่ยนไม่ได้เพราะมีร่องรอยที่เกิดจากความเสียหาย แต่ถ้าไม่มีรอย เนียนอยุ่ ก็รอดไปครับ
-อาจจะเสียบสายไฟ หรืออุปกรณ์ผิด จนเกิดความเสียหาย
-เสียเวลา (แต่ได้ประสบการณ์นะเออ)
-อาจได้รับบาดเจ็บ จากเครื่องมือ หรือวัสดุเครื่องมือมีคม

เอาละ คิดไม่ออกแล้ว ว่ามีข้อดี-เสียอะไรบ้าง ฝอยมามากนึกไม่ออก ใครที่อยากจะประกอบเอง ชมต่อครับ

เริ่มแรก!!
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ต้องเอามาประกอบ มีอะไรบ้าง!!





















จากภาพเลยครับ ที่ต้องมี คือ
-เมนบอร์ด(แผงวงจรใหญ่ๆมีสล็อตส้มๆเหลืองๆ)พร้อมฝาหลังเคส ฝาหลังวางอยุ่ตรงหลังพัดลมCPU
-CPU(ชิพสีเงินๆ ใกล้พัดลม)
-พัดลมระบายความร้อนCPU(จะมาพร้อมCPU)
-แรม แผงเขียวๆวางติดกัน 2 อัน ในที่นี้เป็น512*2 บัส533
-ซีดีรอมไดร์ฟ หรือ ดีวีดีไรท์เตอร์ไดร์ฟ (ขวามือ หน้ากากสีดำ ตัวเทาๆ)
-ฮาร์ดดิกส์ไดร์ฟ (วางอยุ่บนดีวีดีไรท์เตอร์ไดร์ฟ)
-สายสัญญาณ SATA ตามจำนวนฮาร์ดดิกส์ ในที่นี้ มี2เส้น เพราะHDDและ DVD-RW drive ใช้สายSATAครับ แต่ถ้าHDDหรือ ไดร์ฟDVDเป็นสายแบบ IDE ก็ต้องสายแบบIDEนะครับ(ยกเว้นใช้ตัวแปลงSATA>>IDE)
-น็อตสกรู น็อตทองที่ใช้ยึดรองเมนบอร์ด แผ่นแหวนรองน็อตสีแดงๆ น็อตนี้ จะได้มาเยอะพอสมควร โดยจะได้มาจากเคส
-อีกอย่าง นอกภาพ คือ เคส-เพาเวอร์ซัพพลาย
!!ถ้าเคสจำพวก Full tower มี่ยี่ห้อ เช่นraidmax หรือ cooler master/Thermaltake ไรพวกนี้ มักจะไม่มีเพาเวอร์มาให้ เพราะออกแบบมาใช้กับคอมระดับ advance ที่ใช้พลังงานสูง โดยเราต้องเลือกซื้อเพาเวอร์มาใช้เอง
!!ถ้าเคสที่ซื้อ มีเพาเวอร์อยุ่แล้ว สามารถซื้อเพาเวอร์มาเปลี่ยนแทนได้ครับ โดยเพาเวอร์เกรดต่ำ(แบบเดียวกับที่แถมเคสระดับไม่ถึงพัน)ประมาณ3-5ร้อย วัตต์ไฟที่จ่ายได้จะไม่เต็ม เช่นของdtech แบบธรรมดา ของP&A และยี่ห้ออื่นๆเช่นFRND และเกรดกลางๆ(แบบเดียวกับที่แถมเคสระดับพันต้นๆถึง2พัน)ประมาณ6-7ร้อยบาท เช่นของdeluxe แบบธรรมดา ของdtechแบบอย่างดี และระดับสูง ราคาพันว่าขึ้นไป ส่วนใหญ่จะ1500-2000+ครับ เช่นEnemax Thermaltake Enchance Silverstone ครับ แบบหลังเหมาะกับ system ที่ต้องการความสเถียร หรืออุปกรณ์เยอะๆเช่น HDD-กาณืดจอหลายตัว


ต่อมา มาดูเครื่องมือที่ใช้กันบ้าง จากภาพเลยครับ

-ไขควงหัวแฉก คือ อันด้ามแดงครับ (ต้องมี!)
-ไขควงแบน คือ อันด้ามเขียว (มีก็ได้!)
-ชุดไขควงเล็ก 5 ตัว (ไม่/ไม่มีก็ได้)
-คีมปากจิ้งจก อันสีส้มๆ (ต้องมี)
-คีมตัด อันสีน้ำเงินครับ (ไม่จำเป็น แต่ถ้ามีการใช้เข็มขัดรัดสายจะดีกว่ากรรไกร-คัตเตอร์ตัด)
-เข็มขัดรัดสาย ห่อขาวๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้ครับ หาซื้อจากร้านอิเล็กได้ทั่วไป เค้ามีแบ่งขาย
-ซิลิโคน อันนี้แบบธรรมดา หรือจะใช้แบบดีๆก็จะแพงขึ้น เช่นMX-1 Arctic silver ครับ ถ้าไม่OC แบบธรรมดาก็ok แล้วครับ
-บัตรเติมเงิน(พลาสติก)นะครับ บัตรพลาสติก ที่เติมเงินเกมส์ออนไลน์ หรือโทรศัพท์ก็ได้ หรือพวกบัตรเครดิตที่ใช้ไม่ได้แล้ว เอามาปาดซิลิโคนให้บางเป็นหน้าเดียวกัน!
-คัตเตอร์(ไม่ได้มีความจำเป็น เหมาะกับใช้เวลาตัดกรีดห่ออุปกรณ์คอมที่เราแกะกล่องมา)

เริ่มประกอบกันดีกว่า
ยกเคสมาครับ
-เปิดฝาเคส ออกทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้ง่ายต่อการประกอบ
tip*ถ้าเคสเป็นน็อตหัวมือหมุน จะง่ายมากครับ



















-ต่อมา ตรงแถวหลังเคส จะมีฝาหลัง ติดมาอยุ่แล้วนะครับ ให้เรา เอาออกไป โดยอาจจะเป็นน็อตยึดอยุ่ หรือเป็นแบบที่ เราต้องงอไปงอมาให้มันขาดเอง แล้วแต่เคสครับ
-เรียบร้อยแล้ว ให้ท่านนำ ฝาหลัง ที่มากับเมนบอร์ด มาติดตั้งครับ โดยเกือบทุกรุ่น-ยี่ห้อ ท่านจะต้องดันจากด้านในครับ ใส่ให้ถูกหัวนะครับ ปกติ รูที่เหมือนช่องเสียบลำโพง จะอยู่ช่วงล่างและช่องเสียบเมาส์จะอยู่บนใกล้เพาเวอร์(เคสที่มีเพาเวอร์ด้าน บนตามมาตราฐาน)



















ต่อมา ให้ท่านลองเอาเมนบอร์ด มาวางดู รูน็อตบนเคสครับ แล้วใส่ตัวน็อตยึดเมนบอร์ดลงไป (ท่านอาจจะไม่ใส่ครบ แต่ใส่อย่างน้อย 4 มุม)



















ต่อมา
มาใส่CPUกันครับ โดยการใส่ที่สะดวก คือใส่ซีพียูก่อนลงเคสครับ CPUจะมีสล็อตเฉพาะตัว เอามาใส่กันไม่ได้ เช่น754ใส่939ไม่ได้ AM2ใส่775ไม่ได้
อันนี้ ของAMD socket AM2 /754-939ก็เหมือนกันนะครับ
-เริ่มจาก เอาก้านล็อคขึ้นก่อน
-ใส่ซีพียูลงไปครับ โดยให้ด้าน ลูกศรสีทอง ตรงกับสัญลักษณ์ลูกศรบนsocketครับ
!!อย่าพยายาม กดCPUลงไป เพราะขาจะบิ่นงอครับ และอาจหักได้(หมดประกันนะเออ!)ให้ค่อยๆใส่ลงไปครับ ถ้ากดไม่ลง ลองหันด้านอื่นดู ถ้าใส่ถูกต้อง CPUจะลงไปสุดทุกด้าน และจะไม่ต้องออกแรงมากมายกดCPUลง ดังรูป



















-ต่อมา ใส่ซิลิโคนครับ แต่ๆ ถ้าท่านซื้อCPUมาใหม่เอี่ยม ที่ฮีทซิงค์พัดลม จะมีติดมาแล้ว(สีเทาๆ)แต่ถ้าจะใช้ซิลิโคนดีๆ ก็ขูดของที่แถมมาและเช็ดออกให้หมดครับ จากภาพ หยดลงนิดเดียว


-แล้วเอาการ์ดพลาสติก ที่บอกไว้ตอนแรก มาปาดให้ทั่วครับ ถ้าปาดไม่มั่ว ก็เพิ่มทีละนิดครับ
ปาดแล้วจะได้ประมาณนี้



















-ต่อมา ใส่พัดลมCPUลงไป เกี่ยวล็อคด้วยครับ ตามภาพ


-แล้วกด ก้านล็อค มาอีกด้านนึง อาจจะต้องออกแรงนิดนึง พอกดถึงอีกด้านสุดแล้วก็พอครับ


-แล้วมาเสียบสายไฟครับ พัดลมใหม่ๆจะเป็นพัดลมที่ควบคุมด้วยสัญญาณพัลล์(PWM)คือมี 4 เส้น ครับความเร็วรอบจะแปรผันตามงานของCPUและอุณหภูมิ


tip*เพื่อให้ดูเรียบร้อย ท่านสามารถ เหน็บสายไฟตามตัวเก้บประจุต่างๆแถวซ็อกเก็ตได้ครับ ไม่ต้องกลัวร้อนละลายครับ บอร์ดบางตัวเช่นM2N-E จะเก็บได้สวยครับ




















เอาละ มาของIntelบ้างดีกว่า
พัดลมของintelนั้น จะเป็นแบบซิ้งค์กลมไปกับใบพัดลมเลย และใช้ขาล็อคยึดลงแผ่นบอร์ดเลยตรงๆ ซึ่งจะไม่มีขาล็อคที่บอร์ดครับและตัวCPUปัจจุบันของintelเป็นแบบLGA775
(LGA=Land grid array)ซึ่งขาสัมผัสจะอยู่ที่บอร์ดแทน...ระวังอย่าให้มันงอเชียว ดัดยาก หักง่าย

-เริ่มจาก กดสลักลง ดันออกข้าง มันจะดีดขึ้นมาได้(ไม่ต้องกลัวมันดีดไม่เจ็บ) แล้วยกขึ้น ดังภาพ


-แล้วโยกมาสุดเลยครับ เสร็จแล้ว เปิดฝาครอบขึ้นจะได้ดังภาพ



















-เปิดเรียบร้อย!!


-แล้ว วางCPUลงไปให้ลงล็อคครับ จะมีร่องอยู่ที่CPU ถ้าวางถูกต้อง จะลงไปพอดีเลยไม่มีเกยออกมา


-เสร็จแล้ว ปิดครอบลงครับ



















-ต่อมา กดก้านล็อคกับลงมา
!!ถ้าท่านกดก้านล็อค แล้วติดตัวครอบ ให้เช็คดูว่าCPUเกยsocketออกมาหรือไม่ครับ ถ้าCPUใส่ไม่ลงสนิทและท่านฝืนกด CPUและsocketอาจแตกเสียหายได้(หลุดประกันทันที!)





-ใส่เรียบร้อย!!




















-ติดตั้งซิลิโคนครับปาดให้เรียบ
เหมือนการติดตั้งของ AMDเลย อันนี้ผมใส่ที่ตัวพัดลมครับ เพราะพื้นที่ที่ซิลิโคนได้แปะจริงๆก็เป็นวงกลมแค่บนพัดลมนั่นและ...



















-อ้อ ก่อนใส่ ตรวจดูที่ขาพัดลม ปลายลูกศรจะหันออกข้างนอกครับ ไม่หันเข้าซิ้งค์นะครับ



















-สุดท้ายยย ใส่มันลงไป ใช้นิ้วเนี่ยแหละ กดลงไปดัง"กริ้ก" ก็เสร็จแล้ว ตามภาพ...




















ต่อมา มาเริ่มกันต่อที่"แรม"
แรมที่ผมนำมาใช้นี้ เป็นแบบ DDR2 (DDR=Double-Data-Rate Synchronous Dynamic Random) เป็นบัส 533 แต่ปัจจุบันต้อง 667นะครับอย่างต่ำ อันนี้คอว่ามันใกล้มือดี เอามาเป็นนายแบบก่อน ผมแนะนำว่า ใส่ยอกเคสดีกว่าครับ




















-การใส่แรม ทั้งSD-DDR-DDR2-DDR3 ต้องหันให้ถูกด้านด้วยครับ โดยจะมีร่องกันใส่ผิดเอาไว้ มีบางท่าน ใส่ในเคส แต่ทว่า ด้วยความมองไม่เห็น ก็ยัดๆลงไปผิดด้าน ทั้งๆที่ไม่ลง ทำให้เปิดเครื่องแล้วก็มีควันออกมา ทำให้แรมเสียหาย หรือบอร์ดอาจตามด้วย
การใส่ดูจากภาพเลยครับ
ถูก



















ผิด




















-ถ้าติดตั้งถูกด้าน ร่อมบนสล็อตและแรมจะตรงกัน ก็เอามือกดลงไปตรงๆครับ แล้วก้านล็อคข้างๆจะเด้งเข้ามาเอง แต่ให้แน่ใจ ใช้นิ้วกดให้เข้าล็อคหน่อยดีกว่าครับ



















-มีกี่แถว ก็ทำเหมือนๆกันหมด




















ต่อมา มาติดตั้งเมนบอร์ด ที่ประกอบCPU Ramเสร็จแล้ว ลงไปในเคสกัน

อย่างที่เห็นครับ เราเตรียมไว้แล้ววว ทั้งน็อตรองบอร์ด/ฝาหลัง
-นำบอร์ด วางลงไปเลย...


-ตามด้วย ไขน็อตให้เรียบร้อย
!!น็อตรองบอร์ดที่เราใส่ลงไปตอนแรก มี 2 แบบเกลียวนะครับ ถ้าใส่ลงไปแล้วดันลงไปได้แบบไม่ต้องไข หรือ พยายามไขไม่ลง ให้ลองเปลี่ยนน็อตตัวผู้ที่เอามาใช้ดูนะครับ



















!!ถ้าท่านฝืนไขลงไป จะเกิดปัญหาคือ..น็อตจะลงไม่ตรงครับและอาจจะไปกดบอร์ดให้งอจนหักได้ (อันตรายๆ) จะไขน็อตไม่ออก และเมื่อไขแล้ว เกลียวน็อตจะหักคา หรือจะทำให้ตัวรองบอร์ดหมุนดันบอร์ดให้โก่งงอ

-เมื่อไขน็อตเสร็จแล้ว มาเพ่งกันที่คอนเน็กเตอร์ที่มุมล่างของบอร์ด มันคือ front panel connector หรือ จุดเชื่อมต่อปุ่มต่างๆและไฟสถานะ!



















ซึ่งพอร์ทส่วนใหญ่ ที่เราจะต่อไปหน้าเคส มักจะเป็น
-Power LED สถานะสีเขียวหรือฟ้าบอกการทำงานเครื่อง ว่าเปิด /stanby
-HDD LED สถานะสีส้มหรือแดง บอกการอ่านเขียนของฮาร์ดดิกส์/ไดร์ฟต่างๆครับ(แล้วแต่เมนบอร์ด)
-power switch ไม่เสียบไม่ได้!
-reset ใช้รีเครื่อง...
-USB ใช้พอร์ทUSBผ่านหน้าเครื่อง
-eSata มไม่ค่อยมีนักครับ ส่วนใหญ่จะเคสแพงๆ และไม่ค่อยได้ใช้กันด้วย
-audio mic อันนี้หลายคนใช้ครับ





















-งานนี้ ควรใช้คู่มือของเมนบอร์ด ช่วยนะครับ เพราะว่าส่วนมาก บนเมนบอร์ดจะไม่บอกรายละเอียดมานัก เช่นPower LED ไม่บอก+ - เป็นต้น
-บางครั้ง สวิตช์เปิดปิด(Power SW)/รีเซ็ท(Reset SW)บอกขั้ว+ - ในเมนบอร์ด ไม่ต้องสนใจครับ เสียบๆไปเถอะ



















-ถ้าท่านใช้ซาวด์ออนบอร์ด และใช้หูฟัง เสียบลงไปที่เมนบอร์ดด้วยครับ ปกติจะเป็น FP_Audioครับ
Tip*บางครั้ง มีหัวเสียบแบบ HD และแบบAC97มาให้ ดูก่อนครับ ว่าเราใช้ซาวด์แบบไหน แต่ปัจจุบัน ของC-media/realtek จะเป็น HD ครับ แต่ถ้าไม่ใช้คุณสมบัติ HD โดยปิดในไบออสเป็นAC97ก็เสียบAC97นะครับ



















-ในบางกรณี หัวเสียบของเคส ไม่สามารถเสียบลงบนเมนบอร์ดได้แบบปกติ... เช่น หัวไม่ตรงกัน จะทำอย่างไรดี..............ให้ท่านหา เข็มหมุดมา 1 อันครับ นำมายัดเข้าไปตรงล็อคของสายสัญญาณ งัดขึ้น แล้วดึงสายออกครับ อย่างัดมากนะครับ เดี๋ยวจะหักเอา



















-หัวสายที่ถอด...


-สายหน้าเคสเสร็จ มาปวดกัวกับสายUSBกันต่อ!
-การเรียงสาย ตามนี้เลยครับ



















-เมื่อเสียบเรียบร้อยแล้ว...
































ต่อมา ใส่ไดร์ฟต่างๆ เสียบสายสัญญาณและสายไฟกัน
-ใส่HDD และ DVDRwเข้าไป ใส่น็อตให้เรียบร้อยครับ ควรใส่ทั้ง 2 ด้านของไดร์ฟเลย






















-ต่อมา เก็บสายSATA ที่เสียบกับHDDครับ
มี 2 แบบคือ
1 มัดเกรียวกับไขควงหัวแฉก
































2 อ้อมไปหลังหน้าเครื่อง ออกอีกด้านก็ได้



















-ถ้าใช้สายIDE ก็ตั้ง jumper และเสียบสายให้ถูกด้วยครับ
จากภาพ
-ซ้ายสุดที่มีจัมเปอร์อยู่ คือ cable select จะทำงานโดยกำหนดตำแหน่งไดร์ฟตามายที่เราเสียบให้มัน(ไม่แนะนำให้ตั้งเหมือน กัน 2 ตัวถ้าเสียบไดร์ฟ 2 ตัวนั้นบนสายเดียวกัน)
-กลางคือ Slave เป้นตำแหน่งไดร์ฟตัวรอง(Device1)เสียบกับกลางสายIDE
-ขวาสุด คือ Master เป็นตำแหน่งตัวหลักบนสายนั้น(Device0)เสียบปลายสายIDE


-สายIDEอันไหน ตำแหน่งไหน ดูเลย!!


-เสร็จแล้ว ต่อสายเพาเวอร์ลงบอร์ดครับ เมนบอร์ดปัจจุบันนี้ จะเอา 2 ชุดคือ ชุดแรก หัวเพาเวอร์หลัก มี20พิน หรือATX2.0จะมี 24พิณครับ และอีกหัว คือหัว4พิณ เป็นไฟCPUบางบอร์ดมีเป็น8พิณ ไม่ต้องกลัว เสียบไปแค่4ก็"ด้ครับ ถ้าเพาเวอร์มีแค่4 และบอร์ดบางอัน เช่นเมนบอร์ดSLI ที่ใส่การ์ดจอของNvidia มากว่า1ตัว หรือบอร์ดCrossfire ที่ใส่การ์ดจอ ATiมากกว่า1 (บางบอร์ด)จะมีหัวMolex 4พิณ ด้วยครับ เสียบด้วย แตไม่เสียบก็ไม่เป็นไร แต่ตามผู้ผลิตแนะนำ ถ้าใช้การ์ดจอมากกว่า 1 ควรเสียบด้วย


-และก็ต่อสายไฟของ HDD และ DVDRWด้วย รวมถึงสายไฟพัดลมของเคส






-และเก็บสายไฟให้เรียบร้อยครับ (ยังไม่จำเป้นตอนนี้ แต่เมื่อท่านเอาเครื่องไปลองเสียบปลั้ก เปิดได้สมบูรณ์แล้ว ค่อยเก็บก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลามานั่งรื้อถ้ามีปัญหา...)
























และแล้วก็.............ก็.........ก็เสร็จแล้วครับ กับเครื่องที่เรานั่งประกอบกันอย่างสนุกสนาน(รึเปล่า) ต่อไปก็ลองเสียบจอ-เมาส์-คีย์บอร์ด-ลำโพง และเปิดเทสดูครับ





















บทความโดย: คุณZepherous จากเว็บไซต์ www.overclockzone.com
Read more >>

คลิกเพื่ออ่านต่อ